อย่างที่เราได้เห็น หรือได้รับรู้ข่าวสารกันเกี่ยวกับเรื่องในวงการเกม จะบอกว่าโตอย่างก้าวกระโดดก็ไม่เกินจริงเท่าไรนัก เพราะในช่วงระยะหลังมานี้เราจะเห็นการพัฒนาของวิดีโอเกมในหลายๆ มิติ ทั้งเรื่องของกราฟิกและแอนิเมชั่นที่สมจริง เสียง รูปแบบการเล่น ไปจนถึงเนื้อหาเกม ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น รวมถึงการแข่งขันกันในตลาดนั้นสูงขึ้น จึงทำให้ผู้พัฒนาต้องแข่งขันกันทำให้คุณภาพเกมออกมาดีที่สุด
แต่กว่าจะได้เกมออกมาวางจำหน่าย นักพัฒนาจะต้องทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อย ทั้งเรื่องภาพ เรื่องเสียง ระบบฟิสิกส์ แอนิเมชั่น ฯลฯ โดยการทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะต้องทำผ่านซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการสร้างเกม หรือที่เรียกกันว่า Game Engine บทความนี้ คอร์เนอร์ มี จึงอยากจะพาทุกคนไปรู้จักกับ 5 Game Engine เด่นๆ ที่ควรรู้จัก ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
Unreal Engine
ถูกพัฒนาโดยบริษัท Epic Games ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้โหลดไปใช้ได้ฟรี แต่เมื่อเกมที่ถูกพัฒนาโดย Unreal Engine ถูกนำไปใช้เพื่อสร้างรายได้ ก็ต้องแบ่ง % ของรายได้ต่อปีให้กับบริษัท ตัวอย่างเกมที่ใช้ Unreal Engine เช่น Final Fantasy VII: Remake / Mass Effect 1-3 / Octopath Traveller / Mortal Kombat 11

🟢 ข้อดี
• มีความยืดหยุ่นสูง สร้างเกมได้หลายแนว และเป็นเกมระดับ AAA • กราฟิกสวยสมจริง เพราะมีเครื่องมือช่วยเยอะ • ทำได้ทั้ง 2D และ 3D ได้ทั้งรูปแบบ VR และ AR
🔴 ข้อเสีย
• ยากต่อการ optimize
• สเปกเครื่องต้องแรงพอสมควร
• ต้องแบ่งรายได้
CryEngine
เปิดให้ใช้ฟรีไม่มีค่าลิขสิทธิ์ พัฒนาโดย Crytek นักพัฒนาเกมสัญชาติเยอรมัน เป็น 1 ใน Engine ที่ใช้สร้างเกม FarCry หลังจากนั้นก็ถูก Ubisoft ซื้อไปพัฒนาต่อ แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Dunia engine โดยเกมที่ถูกสร้างด้วย CryEngine ก็เช่น ซีรีส์ State of Decay และ Hunt: Showdown เป็นต้น

🟢 ข้อดี
• กราฟิกที่เป็น environment หรือพวก scene สวยสมจริง • ทำเกมรูปแบบ VR ได้
🔴 ข้อเสีย
• ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่
• resource น้อย
Unity
พัฒนาโดยบริษัท Unity Technologies ออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งานมากๆ และถือเป็น Engine ยอดนิยมของนักพัฒนาในการพัฒนาเกมที่ไม่ต้องการกราฟิกแบบสมจริง มีเวอร์ชั่นฟรีสำหรับผู้ฝึกใช้ แต่ถ้าใช้เพื่อธุรกิจจะต้องเสียค่ารายเดือน ตัวอย่างเกมที่ใช้ Unity เช่น Genshin Impact, Fall Guys, League of Legends: Wild Rift, Doki-Doki Literature Club, Pokemon Unite

🟢 ข้อดี
• ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ • แก้ไขปรับแต่งได้อย่างอิสระ • มีเครื่องมือช่วยในการ optimize เยอะ
🔴 ข้อเสีย
• ต้องการภาพสวยแค่ไหน ก็ต้องทำเอง จึงเสียเวลาในการทำกราฟิกมาก
• ค่า License สำหรับเกมที่มีรายได้มากกว่า $100K มีราคาแพง
GameMaker: Studio
จุดเด่นของ Engine ตัวนี้คือเขียนโปรแกรมค่อนข้างง่าย ในรูปแบบ Sandboxed และมักจะใช้พัฒนาเกมที่เป็น 2D โดยเฉพาะ (ทำ 3D ได้ แต่มีข้อจำกัด) ผลงานเกมที่สร้างด้วย GameMaker: Studio เช่น Spelunky, Hotline Miami และ Super Crate Box

🟢 ข้อดี
• เรียนรู้และใช้งานง่าย • resource เยอะ asset หาง่าย • มีความเสถียรสูง • ใช้พัฒนาเกม 2D โดยเฉพาะ
🔴 ข้อเสีย
• ภาษาสำหรับ scripting ค่อนข้างจำกัด
• ทำ 3D ได้ แต่มีข้อจำกัด
• ภาษาที่ใช้ใน engine นี้จะไม่ค่อยเป็นทางการ
Godot
ใช้งานได้ฟรี แถมมี open-source ภายใต้ใบอนุญาต MIT ถือเป็นอีก 1 Engine ที่เหมาะสำหรับนักพัฒนาเกมมือใหม่ เหมาะกับการทำเกมทั้งแบบ 2D และ 3D เกมที่พัฒนาโดย Godot ก็จะมี The Nuke, Rocket Bot Royale และ Roma Invicta เป็นต้น

🟢 ข้อดี
• ใช้งานฟรี มี open-source • community ใหญ่ • interface เข้าใจง่าย
🔴 ข้อเสีย
• 2D ฟิสิกส์ ไม่ค่อยดี
Comments