เป็นคำถามที่พบเจอบ่อยในผู้ที่เริ่มต้นใช้จอ LED และเป็นมือใหม่ในวงการนี้ ก่อนอื่นเลยต้องอธิบายว่า จอ LED แบบ indoor และแบบ outdoor นั้นมีความแตกต่างกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสว่าง การกันฝุ่น กันน้ำ รวมไปถึงเรื่องความละเอียด ซึ่งคุณสมบัติต่างๆ เหล่านี้นี่แหละจะเป็นหลักเกณฑ์ที่จะใช้เพื่อพิจารณาว่างานของเราเหมาะกับการใช้จอ indoor หรือ outdoor
ประเมินเบื้องต้นว่างานของเราเป็นงานประเภทไหน
อย่างที่เรารู้อยู่แล้ว และสามารถแปลมันได้อย่างตรงตัวเลย indoor ก็คืออยู่ในอาคาร outdoor ก็คืออยู่กลางแจ้ง ทีนี้เราก็มาประเมินงานของเราต่อว่า งานของเราเป็นงานที่อยู่ในอาคาร หรืออยู่กลางแจ้ง แต่ต้องหมายเหตุตัวโตๆ ตรงนี้ไว้นะครับว่า indoor ควรเป็นงานที่อยู่ในอาคาร ในอาคารที่ไม่ได้แค่อยู่ในที่ร่มนะครับ เพราะการอยู่ในที่ร่ม ก็ยังสามารถโดนฝุ่น โดนลมแรงๆ หรือโดนละอองฝนได้อยู่ดี เมื่อเราประเมินเบื้องต้นได้แล้วว่างานของเราเป็นงาน indoor หรือ outdoor หลังจากนี้เราจำเป็นต้องมาทำความรู้จักคุณสมบัติเบื้องต้นของจอแบบ indoor และ outdoor เพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมที่สุด
คุณสมบัติของจอแต่ละประเภท
เมื่อเรารู้จักคุณสมบัติของจอแต่ละประเภทแล้ว มันจะช่วยให้เราประเมินการเลือกใช้ได้ง่ายขึ้น
🟢 indoor
• ควรใช้ภายในอาคาร ที่มีโอกาสการโดนลม ฝุ่น และแสงแดดน้อย
• มีความละเอียดสูงกว่าแบบ outdoor แต่แสงสว่างจะน้อยกว่า
• เหมาะสำหรับการใช้งานในระยะใกล้
• ความทนทานต่อสภาพอากาศน้อยกว่าแบบ outdoor 🟠 Outdoor LED
เมื่อรู้จักกับ indoor LED แล้ว ตัว outdoor LED ก็คือมีคุณสมบัติและรูปแบบการใช้งานที่ตรงข้ามกันเลย
• สามารถใช้ภายนอกตัวอาคารได้ เพราะถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพอากาศ
• แสงสว่างกว่า indoor ประมาณ 3 เท่า เน้นการแสดงผลในที่ที่มีแสงสว่างมาก
• ความละเอียดสูงสุดจะน้อยกว่าแบบ indoor
• เหมาะกับการมองเห็นทั้งในระยะใกล้และไกล (แต่ถึงจะเป็นการใช้ระยะใกล้ ความละเอียดก็ยังน้อยกว่าแบบ indoor อยู่ดี)
และหลังจากที่รู้ทั้งหมดนี้แล้ว คุณก็สามารถประเมินได้เบื้องต้นแล้วครับว่าจะเลือกใช้จอ LED แบบ indoor หรือ outdoor ดี และถ้าหากคุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับเรื่องจอ LED ก็สามารถติดต่อสอบถาม Cornerme ได้ทุกช่องทางการติดต่อเลยนะครับ
Comments