ต้องบอกเลยว่าเจ้าของธุรกิจในยุคนี้ ต้องขายของหรือทำการตลาดบนโลกออนไลน์มากขึ้น แต่ถ้าถามว่าแพลตฟอร์มไหนที่เหมาะกับการใช้ทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็ต้องบอกเลยว่า “เว็บไซต์” ควรเป็นแพลตฟอร์มแรกที่เราต้องนึกถึงครับ เพราะเราสามารถควบคุมทุกๆ อย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา, การโฆษณา หรือ interface เป็นต้น แต่จะทำอย่างไรถ้าอยากจะมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง? หลายคนอาจจะนึกไปถึงว่าต้องจ้าง developer มาเขียนเว็บไซต์ให้ รวมถึงต้องจ้างคนออกแบบหน้าตาเว็บไซต์อีกต่างหาก คิดไปคิดมาก็เริ่มรู้สึกว่า โอ้.. ใช้เงินเยอะเหลือเกิน วุ่นวายจริงๆ แต่ช้าก่อน! เพราะจริงๆ แล้วทุกวันนี้มี website builder มากมาย ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณ และวันนี้ Cornerme จะมาแชร์วิธีการเลือก website builder เพื่อเอาไว้ใช้เปรียบเทียบว่าเว็บไซต์ไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
Website builder ที่เป็นที่นิยมที่มีอยู่ในตลาดตอนนี้มีอะไรบ้าง?
2. Web.com
3. Wix
5. WooCommerce
8. Domain.com
9. BigCommerce
10. Shopify
11. WordPress.com
12. Squarespace
13. Weebly
จะเลือกใช้ website builder อันไหน ต้องพิจารณาอะไรบ้าง?
• จุดประสงค์ในการทำเว็บไซต์ เช่น เน้นเป็นร้านค้าออนไลน์, แกลอรี่, การจองที่พัก เป็นต้น เพื่อเลือก website builder ที่เหมาะสมกับคอนเทนต์
• ง่ายต่อการใช้งาน สำหรับคนที่เพิ่งจะเริ่มต้นทำเว็บไซต์ด้วยตัวเอง (easy for non-techy users)
• ราคา ลองพิจารณาว่ามีแผนการใช้งานที่ฟรีหรือไม่ หากไม่มีให้ลองพิจารณาต่อว่าเงินของคุณที่จะลงทุนกับการซื้อแผนต่างๆ นั้นคุ้มค่าหรือไม่
• ดีไซน์และฟีเจอร์ต่างๆ ลองดูว่า website builder นั้นๆ มีแบบสำเร็จรูปหรือไม่ หรือสามารถเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ ได้หรือเปล่า เช่น Google Analytics, CRM หรือเครื่องมือ marketing อื่นๆ
• มีฝ่ายบริการลูกค้าที่ดูแลเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น
• การเป็นเจ้าของข้อมูล คนที่เริ่มต้นทำเว็บไซต์อาจจะยังไม่กังวลถึงเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัวกันมากนัก แต่ในความเป็นจริงคุณควรมีสิทธิ์เหนือข้อมูลต่างๆ และสามารถโยกย้ายข้อมูลไปที่ไหนก็ได้ตามต้องการ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกใช้ website builder ได้เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองนะครับ